DR. KRATOM BIO.

DR. KRATOM BIO.

icon

Getting all of the Kratom you need simply cannot be done without supplements.

Dr. Kratom Bio is a specialized business in extraction and production of premium quality medical grade Kratom products.

+66 6 5141 6999

255 Bangna Trat 3, Bangna, Bangkok 10260 Thailand

botanic kratom

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับพืชกระท่อม

พืชกระท่อมอยู่ในวงศ์ Rubiaceae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Mitragyna speciosa พบมากที่สุดในประเทศไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, และฟิลิปปินส์ ในประเทศไทย, พืชนี้มีการกระจายพันธุ์ที่สูงในภาคใต้ของประเทศ และพบได้ในบางจังหวัดของภาคกลาง เช่น ปทุมธานี และนนทบุรี นอกจากนี้ยังพบได้บริเวณตอนบนของประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ

กระท่อมเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์เข็มและกาแฟ (Rubiaceae) เป็นไม้ยืนต้น สามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่ชุ่มชื้น ที่มีความชื้นสูง ดินอุดมสมบูรณ์ และมีแสงแดดปานกลาง กระท่อมมีสารที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้มีผลต่อจิตใจและประสาทหลัง เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศไทยและมาเลเซีย สามารถพบได้ในเขตร้อนและกึ่งร้อนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปแอฟริกา

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพืชกระท่อม

ลำต้น

  • มีความสูงได้ถึง 25 เมตร
  • ความยาวรอบลำต้นน้อยกว่า 1 เมตร ลำต้นตรง

ใบ

  • หูใบเป็นรูปใบหอก
  • ความยาวถึง 4 เซนติเมตร
  • มีสันกลางรวงเร็ว
  • ใบรูปรีหรือรูปไข ยาว 12 – 17 เซนติเมตร ปลายเป็นติ่ง

เส้นใบ

  • เส้นใบย่อยแบบขั้นบันได
  • ก้านใบยาว 2.5 – 5 เซนติเมตร

ช่อดอก

  • เป็นช่อกระจุกแน่นออกเดี่ยวๆ ที่ปลายกิ่ง
  • ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร
  • มีประมาณ 70 – 80 ดอก

กลีบดอก

  • ใบประดับรูปช่อนหุ้มกลีบเลี้ยง ความยาว 4-6 มิลลิเมตร
  • หลอดกลีบยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร ปลายจักตื้นๆ
  • ดอกรูปดอกเข็ม
  • สีชมพู
  • หลอดกลีบยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร
  • กลีบยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร

รังไข่เกลี้ยง

  • ยอดเกสรรูปกระบอง ความยาว 1-2 มิลลิเมตร
  • ผลรวมที่แข็งแรง มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ในช่วง 2-3 เซนติเมตร
  • ผลยาวที่ยื่นออกมา อยู่ในช่วง 7-9 มิลลิเมตร
  • เมล็ดมีลักษณะแบน มีความยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร และมีปุ่มบางที่ปลายทั้งสองด้าน

ผล

  • มีลักษณะเป็นแคปซูล
  • ภายในผลอัดแน่นไปด้วยเมล็ด
  • เมล็ดมีลักษณะแบน

พืชกระท่อมทั่วทั้งโลกมีจำนวน 10 สายพันธุ์ โดยกระจายอยู่ในทวีปแอฟริกาฝีงตะวันตก 4 สายพันธุ์ และทวีปเอเชีย 6 สายพันธุ์ พบได้ตามพื้นที่ที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร เช่น บริเวณคาบสมุทรมาลายู, เกาะบอร์เนียว, ประเทศฟิลิปปินส์, เกาะนิวกีนี, และพบมากในภาคใต้ของประเทศไทย ที่มีอุดมสมบูรณ์และความชื้นสูง

สายพันธุ์ของพืชกระท่อมในประเทศไทยประกอบด้วย 5 สปีชีส์ ได้แก่

  1. Speciosa (Korth.) Havil กระท่อม ท่อม อีถ่าง
  2. rotundifolia (Roxb.) Kuntze กระทุ่มเนิน แก่นเหลือง ตุ่มกวาว
  3. hirsute Havil กระทุ่มโคก ตุ่มเขา ทุ่มพาย
  4. diversifolia (Wall ex G. Don) Havil กระท่อมขี้หมู กระทุ่มดง กระทุ่มนา ตุ่มน้ำท่อมขี้หมู
  5. M. parvifolia Korth กระทุ่มใบเล็ก

ชนิดของกระท่อมในประเทศไทยแบ่งได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดก้านใบสีแดง (ที่นิยมมากที่สุด) ชนิดก้านใบสีเขียว(พันธุ์แตงกวา) และชนิดขอบใบหยี(ยักษ์ใหญ่/หางกั้ง) โดยลักษณะก้านใบสีแดง และก้านใบสีเขียวจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ

ลักษณะสารประกอบของพืชกระท่อม

พืชกระท่อมสามารถสร้างและสะสมสารหลากหลายกลุ่ม ได้แก่ alkaloids, flavonoids, triterpenes, phenolic compounds เป็นต้น โดยสารกลุ่ม indole alkaloids เป็นสารกลุ่มใหญ่ที่จะพบในพืชกระท่อม และมีสารสำคัญหลัก คือ mitragynine ปริมาณที่พบในใบกระท่อมของไทยจะมีสูงถึง 66% โดยน้ำหนัก เมื่อเทียบกับปริมาณสารสกัด alkaloid ทั้งหมด mitragynine เป็นสารหลักที่พบในพืชกระท่อมอยู่ในส่วนของใบ ส่วนสารอัลคาลอยด์ 7 – ไฮดรอกซีไมตราไจนีน (7 – Hydroxymitragynine) มีปริมาณไม่มากนัก แต่มีฤทธิ์แก้ปวดแรงกว่าไมตราไจนีนและมอร์ฟีน

มีรายงานการวิจัยเปรียบเทียบปริมาณไมตราไจนีนในใบกระท่อมของไทยเปรียบเทียบกับมาเลเซีย พบว่าปริมาณไมตราไจนีนของไทยมีสูงกว่ามาเลเซียประมาณ 5 เท่า และพบว่ารูปแบบการสร้างและสะสมสารอัลคาลอยด์ของทั้งสองแหล่งแตกต่างกัน ด้วยปัจจัยของสภาพแวดล้อม ทำให้พืชเจริญเติบโต สร้างและสะสมสารที่แตกต่างกัน

การใช้พืชกระท่อมแบบดั้งเดิมได้รับรายงานว่าช่วยในการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ อาการอักเสบ อาการไอ และอาการท้องเดิน ซึ่งมีการออกฤทธิ์ผ่านตัวรับชนิดโอปิออยด์ (opioid receptors, ตัวรับสารฝิ่น) นอกจากนี้ต้นกระท่อมยังถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทยและบางคนในประเทศมาเลเซียในรูปแบบต้มน้ำดื่มหรือเคี้ยวใบสด เพื่อให้สามารถทำงานกลางแจ้งได้นานขึ้น สำหรับการทดลองในสัตว์ทดลองมีมากมาย เมื่อปี พ.ศ. 2531 มีรายงานว่าบริษัท Smith – Kline and French Laboratories ได้ทดลองในชั้นพรีคลินิกบนมนุษย์ นั่นเป็นการทดลองเชิงคลินิกครั้งแรกที่มีการรายงานถึงผลข้างเคียง (side effects) ที่เกิดขึ้นหลายอย่าง อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตจากการใช้พืชกระท่อมโดยลำพัง ทั้งในรูปแบบการต้มน้ำดื่มและเคี้ยวใบสด

พืชกระท่อมมีความสำคัญทางท้องถิ่นของประเทศไทยและมาเลเซีย นอกจากนี้ยังพบได้ในเขตร้อนและกึ่งร้อนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทวีปแอฟริกา มีบันทึกข้อมูลทางพฤกษศาสตร์และเชิงวิจัยรวมทั้งการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อมมายาวนาน แสดงให้เห็นว่าการเลือกนำสรรพคุณข้อดีของพืชกระท่อมมาต่อยอดหรือแปรรูปในเชิงอุตสาหกรรมย่อมสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคเกษตรกรรมให้พัฒนาขึ้นได้

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า